การสังเคราะห์การจัดการความรู้ด้านวิจัยจากงาน KM (Knowledge Management) ประจาปีการศึกษา 2557 จากการจัดโครงการจัดการความรู้ด้านการวิจัย (KM) ประจาปีการศึกษา 2557 โดยสานักวิจัย ร่วมกับทุกคณะวิชา ในสายสังคมศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี เมื่อวันศุกร์ที่ 17 กรกฎาคม 2558 ที่ผ่านมานั้น สานักวิจัยสามารถสังเคราะห์งานวิจัย เพื่อให้ผู้วิจัย เกิดการเดินหน้าทาวิจัย ให้เกิดประโยชน์กับชุมชน/ สังคม หรือภาคอุตสาหกรรม ตลอดจนการเรียนการสอนนั้น เพื่อให้เกิดเป็นแนวปฏิบัติที่ดีด้านการวิจัยและการบริการวิชาการ โดยมีรายละเอียดดังนี้ แนวปฏิบัติที่ดีเพื่อแผนการใช้ประโยชน์จากงานวิจัยและงานบริการวิชาการ

จากการปฏิบัติงานวิจัยและงานบริการวิชาการ และการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ตลอดหลายปีที่ผ่านมาทั้งหมดสามารถสรุปเป็น “แนวปฏิบัติที่ดีเพื่อแผนการใช้ ประโยชน์จากการบริการวิชาการ” ได้ดังนี้ ข้อ 1. การดาเนินกิจกรรมบริการวิชาการให้มีทั้งแผนการทางานประเภทการบริการแบบให้เปล่าและแผนการทางานการบริการแบบแสวงหารายได้ ข้อ 2. เฉพาะกรณีการบริการ/งานวิจัย แบบแสวงหารายได้ ให้ดาเนินงานในรูปแบบ “ที่ปรึกษา” และให้ใช้ทะเบียนที่ปรึกษาไทยของมหาวิทยาลัยฯ ที่ได้จดทะเบียนไว้ กับสานักงานบริหารหนี้สาธารณะ กระทรวงการคลัง ซึ่งมีรหัสหมายเลข 2636 และใช้เลขประจาตัวผู้เสียภาษี 099-400000-1711 ข้อ 3. การดาเนินการตามข้อ 2 ถ้าลักษณะงานเข้าข่ายเป็น “งานวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี” ให้ดาเนินการตามประกาศกระทรวงการคลัง เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ ๓) เรื่อง กาหนดหน่วยงานของรัฐหรือเอกชนที่รับทาการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี ซึ่งมหาวิทยาลัยฯได้จดทะเบียนเป็นผู้รับทาวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี ไว้แล้ว ทั้งนี้เพื่อใช้ประโยชน์ด้านสิทธิในการลดผ่อนภาษีได้ 300% ของสถานประกอบการ ข้อ 4. การดาเนินการควรมีนักศึกษาเข้าร่วมปฏิบัติงานในโครงการ เพื่อให้นักศึกษาได้รับประสบการณ์ตรงจากสภาพหน้างานจริง ข้อ 5 “ผลสรุป” และ “เทคนิคสาคัญ” ที่ได้จากงานวิจัย/งานบริการวิชาการ ให้นามาใช้ประกอบการเรียนการสอนในรายวิชาที่เกี่ยวข้องโดยพลัน เพื่อให้เกิดประโยชน์ สูงสุดด้านความทันสมัยขององค์ความรู้ที่จะเกิดกับนักศึกษา

ข้อ 6. ติดตามการใช้ประโยชน์จากงานวิจัย/งานบริการวิชาการ ให้สามารถใช้งานได้จริงอย่างต่อเนื่อง เพื่อประโยชน์ที่ยั่งยืนต่อไป ข้อ 7 การดาเนินการวิจัย/บริการวิชาการ ใดๆ ที่ไม่เป็นความลับ ให้มีการตีพิมพ์เผยแพร่เพื่อเป็นองค์ความรู้ ให้สังคมได้ใช้ประโยชน์ในวงกว้างต่อไป