FITM NEWS ปีที่ 2 ฉบับที่ 6 เมษายน 2557

>> ตะลุยทั่วจีนกับการโรงแรม จีน...จ๋า เทคโนฯ มาแล้ว >> รุกและรับ ปรับตัวสู่ AEC ปิดเทอมยาว...ก้าวสู่ AEC >> จากภูเขาสู่ทะเล เทคโนฯ Go ทะเล

ปิดเทอมยาว...ก้าวสู่ AEC

6

สารบัญ Front view……………….......…..….... 2 I was there……….......………..…..… 3 จี น ...จ๋ า เทคโนฯ มาแล้ ว Today’s story…...……........……..... 4 AEC คื อ อะไร? Main dish….....…….......….…......... 5 ปิ ด เทอมยาว...ก้ า วสู ่ AEC Not only (teach)…………….…...….. 6 จาก OTOP สู ่ SMEs Extraordinary…………………....…......7 เทคโนฯ go ทะเล Who What Where When……...…...8 See you soon…………………..….….. 2

S ee you soon

ประกาศรายชื่อผู้โชคดี จากกิจกรรม “Like & Share แค่กดก็แจกเลย” 1. 2. 3. 4. 5. 6. 7. 8. 9. 10. 11. 12. 13. 14. 15. 16. 17. 18. 19. 20.

Anirach Mingkhwan Apisit Somtapthai Jirawat Naewsuk Ponlaphat Mos’mos Suranan Nest Bow Chid Ja Sajee Boom Smith Wesson Pro Kmutnb Woody Suraikimhunt ขนิ ษ า ศรี ผ ่ อ ง Kanyarat Nithithanasanti Fuyumikiie Icarus ITum JiakJai HimmYz ZO Tanya Kongsong Nuttapon Charoenthong Graiwit Sansing Gozzila Jirapron Jittimon Wongsa

ผู ้ โ ชคดี ส ามารถติ ด ต่ อ กลั บ รั บ ของที ่ ร ะลึ ก ได้ ท ี ่ หมายเลขโทรศั พ ท์ 0-3721-6500-4 ต่ อ 7039

FITM NEWS คณะเทคโนโลยี แ ละการจั ด การอุ ต สาหกรรม มหาวิ ท ยาลั ย เทคโนโลยี พ ระจอมเกล้ า พระนครเหนื อ 129 หมู ่ 21 ตำ � บลเนิ น หอม อำ � เภอเมื อ ง จั ง หวั ด ปราจี น บุ ร ี 25230 โทร 0-3721-6500-4 ต่ อ 7039 e-mail: [email protected] facebook: www.facebook.com/fitmnews

2 FITM NEWS

Front view

จีน...จ๋า

เทคโนฯ มาแล้ว

เรื่อง : อาจารย์มณีรัตน์ สุขเกษม

อาจารย์ประจำ�ภาควิชาการจัดการอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการโรงแรม



ยาวไป...ยาวไป... ขออนุ ญ าต ทักทายผู้อ่านด้วยประโยคที่อาจจะค่อนข้าง โลดโผนสั ก หน่ อ ย ด้ ว ยว่ า FITM NEWS ฉบับนี้ว่าด้วยเรื่องของ “ปิดเทอมยาว ก้าวสู่ AEC” อั น เนื่ อ งมาจากที่ ป ระชุ ม อธิ ก ารบดี แ ห่ ง ป ร ะ เ ท ศ ไ ท ย มี ม ติ ใ ห้ เ ปิ ด แ ล ะ ปิ ด ภาคการศึ ก ษาของมหาวิ ท ยาลั ย ตาม แบบสากล ซึง่ สำ�หรับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยี พระจอมเกล้าพระนครเหนือก็จะเปิดภาคเรียน ที่ 1 ของปีการศึกษา 2557 ในเดือนสิงหาคม การปิ ด เทอมครั้ ง นี้ ตั้ ง แต่ เ ดื อ นมี น าคม ถึงเดือนสิงหาคม จึงเป็นเวลาถึง 5 เดือน นานกว่าที่ผ่านมา FITM ฉบับนี้จึงขอเล่าเรื่อง AEC และการเตรี ย มความพร้ อ มของคณะฯ เพือ่ รับการเปิดประตูสู่ AEC ส่วน Extraordinary เล่าเรื่องการสัมมนาประจำ�ปีของคณะเทคโนฯ “เทคโน go ทะเล” คอลัมน์ I was there ก็นา่ สนใจนะคะ อาจารย์มณีรตั น์ ชวนไปเยีย่ ม นั ก ศึ ก ษาที่ ไ ด้ รั บ ทุ น ไปฝึ ก งานที่ โ รงแรม ในประเทศจี น แล้ ว ก็ ก ลั บ มาดู ฝั่ ง บ้ า นเรา อาจารย์ทิชากร เล่าเรื่องการยกระดับ OTOP เป็ น SMEs เชิ ญ อ่ า นดู น ะคะ เผื่ อ จะได้ ไอเดียดี ๆ ไปพัฒนาต่อ ท้ า ยนี้ ข อลาไปก่ อ น หวั ง ว่ า จะเป็นแฟนของเราต่อในฉบับหน้านะคะ

บรรณาธิการ

เมื่อวันที่ 24 – 27 กุมภาพันธ์ 2557 อาจารย์มณีรัตน์ สุขเกษม และอาจารย์วรพรรณ แดงพุธทางกูร อาจารย์ประจำ� ภาควิ ช าการจั ด การอุ ต สาหกรรมการท่ อ งเที่ ย วและการโรงแรม ได้เดินทางไปปฏิบตั ริ าชการนิเทศนักศึกษาทุนฝึกงานสหกิจนักศึกษา จำ�นวน 4 คน โดยนักศึกษาทั้งสี่คนได้เข้ารับการฝึกประสบการณ์ วิชาชีพด้านการโรงแรม จำ�นวน 4 เดือน ระหว่างวันที่ 1 พฤศจิกายน 2556 – 28 กุมภาพันธ์ 2557 ณ The Ritz -Carlton Hotel, Beijing และ JW Marriott Hotel, Beijing โดยเป็นทุนฝึกงานสหกิจศึกษา ต่างประเทศรุ่นแรก ซึ่งมีวัตถุประสงค์สำ�คัญในการพัฒนาศักยภาพ ของนักศึกษาในระดับนานาชาติหลายด้าน อาทิเช่น ทักษะการทำ�งาน ร่วมกับชาวต่างชาติ, การแลกเปลีย่ นวัฒนธรรมไทย-จีน, การดำ�เนิน ชีวิตในต่างประเทศ, ทักษะความรู้ ความสามารถในการใช้ภาษา ต่างประเทศ และทักษะด้านการบริการ เป็นต้น นอกจากนี้ยังเป็น การเตรี ย มความพร้ อ มในการพั ฒ นาศั ก ยภาพของนั ก ศึ ก ษา ของภาควิชาให้เป็น บัณฑิต ที่มีค วามรู้ ความสามารถเพื่ อ สนอง ความต้องการของตลาดแรงงานด้านอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และการโรงแรมในระดับนานาชาติและยังเป็นการเตรียมความพร้อม ในการรองรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี พ.ศ. 2558 อีกด้วย ขออนุญาตข้ามกระบวนการและขั้นตอนการดำ�เนินงานต่าง ๆ ที่มี อุปสรรคพอควร และขอเล่าเรียงลำ�ดับเหตุการณ์ ดังนี้ วันแรกของการเดินทาง เราใช้บริการของสายการบินไทย แต่ ห ากใครไปเที่ ย วหรื อ มี แ ผนการเดิ น ทางที่ แ น่ น อนขอแนะนำ � สายการบินแอร์ไชน่า (Air China) เนื่องจากราคาค่าตั๋วเครื่องบิน จะถูกกว่าสายการบินไทยหลายพันเชียว หากทว่ามีการเปลีย่ นแปลง ใด ๆ จะต้องเสียค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมและต้องรีบออกตั๋วจ่ายเงิน เร็วกว่าสายการบินไทย เราผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองที่สนามบิน สุวรรณภูมิได้อย่างรวดเร็วมาก เนื่องจากผู้ที่ถือหนังสือเดินทาง ราชการจะใช้ช่องทางพิเศษ เรียกว่า Premium Lane หรือ Fast Track เช่นเดียวกับลูกเรือ, ผู้โดยสาร First Class, Business Class ของ สายการบิน ตลอดจนคนพิการหรือผู้ป่วยที่นั่งรถเข็น เที่ยวบินนี้ พวกเราได้ ที่ นั่ ง บนเครื่ อ งบิ น ค่ อ นข้ า งดี ที เ ดี ย ว แถวแรกของ ชั้นประหยัด (Economy Class) ต่อจากชั้นธุรกิจ (Business Class) แถมได้นั่งติดกับครัว (Galley) เวลาสจ๊วต (Steward) อุ่นอาหาร จะหอมกรุ่นน่าดู เราใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง 40 นาที ก็เดินทาง ถึงสนามบินนานาชาติปกั กิง่ พวกเราต้องปรับเวลาท้องถิน่ ของปักกิง่ ที่ เ ร็ ว กว่ า เมื อ งไทย 1 ชั่ ว โมง ต่ อ จากนั้ น พวกเราผ่ า นพิ ธี ก าร ตรวจคนเข้าเมืองค่อนข้างล่าช้า เนือ่ งจากเจ้าหน้าทีต่ รวจคนเข้าเมือง ที่นี่ตรวจหนังสือเดินทางละเอียดมาก เมื่อผ่านเรียบร้อยต้องไปรอ ขึน้ รถไฟฟ้า (Airport Express Train) เพือ่ เดินทางไปยังอาคารผูโ้ ดยสาร อีกแห่งหนึ่งสำ�หรับรับกระเป๋าเดินทาง (Baggage Claim) และรอรถ ลีมูซีน ของโรงแรม สำ�หรับ การเดิน ทางไปกรุงปั ก กิ่ งครั้ งแรกเรา ตัดสินใจเลือกใช้บริการรถรับ-ส่งสนามบินของโรงแรม Novotel Beijing Xinqiao ระดับ 4 ดาว อยู่ภายใต้การบริหารของแอคคอร์ (Accor Hotels & Resorts) สำ�หรับค่าบริการลีมูซีนยี่ห้อฮุนได ราคา 390 หยวน เป็นเงินไทยประมาณ 2,000 บาท จะมีหลายราคาตาม แบรนด์รถ หากเป็นรถลีมูซีนของโรงแรมที่นักศึกษาฝึกงานจะใช้รถ ยี่ห้อ BMW Series 7 ราคาเที่ยวเดียวราว 8,000 บาท ซึ่งการเรียก แท็กซีม่ เิ ตอร์จะประหยัดกว่ามากแบบครึง่ ต่อครึง่ เลยทีเดียว ไม่เป็นไร ไว้ขากลับละกันเราตัง้ ใจไว้อย่างนัน้ ระหว่างการเดินทางบนรถลีมซู นี ของโรงแรมเราสองคน ก็สงั เกตวิวทิวทัศน์สองข้างทางทีด่ จู ะแห้งแล้ง ท่ามกลางสภาพอากาศที่ขมุกขมัวไปด้วยหมอกทึบ บรรยากาศ สี่โมงเย็นดูราวกับหกโมงเย็นในบ้านเรา สภาพการจราจรดูหนาแน่น

I was there ด้วยรถราและติดขัดเหมือนกรุงเทพฯ โรงแรมอยูห่ า่ งจากสนามบิน 30 กิโลเมตร ต้องใช้เวลาเดินทางราวๆสีส่ บิ ห้านาทีเนือ่ งจาก ช่วงเย็นรถค่อนข้างติด เมื่อมาถึงโรงแรมต้องขึ้นลิฟต์ไปเช็คอินที่ชั้น 12 “Premier Floor” เนื่องจากได้รับการยกระดับ (Upgrade) ห้องพักประเภทพรีเมียร์ที่จะปรนนิบัติลูกค้าดั่งบุคคลสำ�คัญ แขกที่พักบนชั้นพรีเมียร์ได้สิทธิพิเศษต่างๆ อาทิ เช็คอินแบบส่วนตัว และมี “Premier Lounge” คลับเฉพาะสำ�หรับแขกชั้นพรีเมียร์ฟลอร์ บริการอาหารเช้า พร้อมเครื่องดื่ม ชา-กาแฟสดน้�ำ อัดลม น้�ำ ผลไม้ตลอดวัน และค็อกเทลยามค่�ำ นอกจากนีย้ งั มีบริการอืน่ เช่น ห้องออกกำ�ลังกาย ศูนย์ธรุ กิจ อินเทอร์เน็ต เป็นต้น โรงแรมนี้ยังอยู่ในโครงการที่เรียกว่า “EarthCheck & Plannet 21” ในฐานะโรงแรมที่ให้ความสำ�คัญ กับการประหยัดพลังงานและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างดีเยี่ยม ใช้หลัก 3 Rs คือ Reduce (การลดปริมาณของเสีย), Reuse (การใช้ซ้ำ�) และ Recycle (การนำ�กลับมาใช้ใหม่) อย่างเช่นชุดของใช้ต่างๆในห้องน้ำ� (Bathroom Amenities) จำ�พวก ยาสระผม ครีมนวดผม ครีมอาบน้�ำ สบู่ มีฉลากแสดงว่ามีสว่ นผสมทีผ ่ ลิตจากธรรมชาติ หรือการรณรงค์ให้แขกใช้ผา้ เช็ดตัว ซ้ำ� เป็นต้น ต้องขอบคุณทีมสำ�รองห้องพักของโรงแรมที่เสนอบริการพิเศษแก่เราเป็นกรณีพิเศษอีกมากมาย ตลอดการพำ�นัก ที่นี่ ย้อนไปนิดหนึ่งเรื่องการจองห้องพัก ช่วงแรกเราโทร.ไปจองห้องกับทางศูนย์กลางการจองห้องพักของเครือ Accor โดย เครือโรงแรมใหญ่มกั จะมีหมายเลขโทรศัพท์โทรฟรี (Toll free) ไว้บริการแก่ลกู ค้าอีกด้วย ซึง่ เครือ Accor มีส�ำ นักงานในกรุงเทพฯ ลองเทียบราคากับอะโกด้าไปด้วย พบว่าราคาถูกกว่า แต่ศูนย์การจองฯ แนะเราว่าลองโทร.ติดต่อที่เมืองจีนโดยตรงน่าจะได้ อัตราค่าห้องที่ถูกกว่าอีก เราจึงเลือกวิธีโทรศัพท์ไปจองห้องพักกับทางโรงแรมโดยตรงและติดต่อผ่านอีเมล์ จุดๆนี้เองทำ�ให้ โรงแรมทราบว่าเรามาปฏิบัติราชการภายใต้ Department of Tourism and Hotel เลยได้รับการเอาใจดูแลเป็นอย่างดีทุกอย่าง จากคนวงการโรงแรมด้วยกันนั่นเอง จากนั้นเราก็ออกไปเดินหาซื้อของกินบริเวณใกล้ ๆ กับโรงแรมและถือโอกาสชมเมือง ปักกิ่งยามค่ำ�ไปด้วย โดยเมื่อออกมาด้านนอกโรงแรม ต้องพบกับสภาพอากาศที่หนาวเย็นประมาณ 5 องศาเซลเซียส ลมพัดแรงและมีฝนตกลงมานิดหน่อย สภาพบ้านเมืองเขาดูวุ่นวายคล้ายกรุงเทพฯ เรา รถราเยอะและติดมาก คนจีนเดิน ขวักไขว่ตามริมถนนและบางครั้ง มีจักรยานไฟฟ้าผ่านไปมาบ้าง แต่ที่ไม่เหมือนบ้านเราก็คือสองข้างทางริมถนน ไม่มี ร้านค้าหรือหาบเร่แผงลอยเลย ทำ�ให้น่ามองเป็นระเบียบและสะอาดตาเชียว พวกเรารีบซื้อของหลายอย่างในร้านสะดวกซื้อ และแล้วก็เจอปัญหาเมือ่ เราถามถึงวันหมดอายุของนมกล่องเนือ่ งจากเป็นภาษาจีน ปรากฏว่าพนักงานเก็บเงินไม่สามารถพูด ภาษาอังกฤษได้เลย แถมไม่มีถุงพลาสติกใส่ของที่ซื้อเหมือนร้านค้าในบ้านเรา จะต้องเสียเงินเพิ่มเติม เราก็หอบกลับกัน เต็มมือเลย ซึง่ เป็นข้อดีตอ่ สิง่ แวดล้อมในการลดขยะของเสียอย่างน่าชมเชย ค่�ำ คืนแรกของการนอนต่างถิน่ ต่างบ้านต่างเมือง ก็เป็นไปดีด้วยความเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางนั่นเอง

วันทีส่ องของการเดินทาง วันปฏิบตั หิ น้าทีร่ าชการ เรารีบออกเดินทางไปยังโรงแรมทัง้ สองแห่งทีน่ กั ศึกษาฝึกงาน ด้วยแท็กซี่มิเตอร์ (เมื่อจ่ายเงินค่าบริการจะได้รับใบเสร็จรับเงินที่พริ้นท์ออกจากในรถ) โรงแรม The Ritz -Carlton Hotel, Beijing และ JW Marriott Hotel, Beijing ตั้งอยู่ในย่านธุรกิจที่เรียกว่า Financial Street ด้านหน้าโรงแรมมีธงชาติไทยเด่นสง่า ท่ามกลางธงชาติประเทศจีนและชาติอื่นๆ เนื่องจากคนไทยเราเป็นเจ้าของหุ้นส่วนด้วยนั่นเอง ซึ่งก็คือ ดร.ศิริธัช โรจนพฤกษ์ กรรมการสภามหาวิทยาลัยผู้ทรงคุณวุฒิและอุปนายกสภามหาวิทยาลัยเป็นผู้สนับสนุนทุนฝึกงานทั้ง 4 ทุนร่วมกับทาง มหาวิทยาลัย โดยโรงแรมทั้งสองแห่งสร้างอยู่ติดกันสามารถเดินทางทะลุถึงกันได้อย่างสะดวก สำ�หรับ The Ritz -Carlton Hotel, Beijing เป็นโรงแรมระดับหกดาว ส่วน JW Marriott Hotel, Beijing เป็นโรงแรมระดับห้าดาว ซึ่งมีการออกแบบตกแต่ง ที่หรูหราค่อนข้างแตกต่างกัน ทางโรงแรมได้ให้การต้อนรับเราเป็นอย่างดี มีทีมพนักงานแผนกทรัพยากรบุคคลนำ�ชม ส่วนต่าง ๆ ทั้งสองโรงแรมอย่างละเอียด จากนั้นเราก็ได้พบกับนักศึกษาทั้งสี่คนในชุดยูนิฟอร์มของโรงแรม ทั้งสี่คนได้เข้า ฝึกงานสลับกันทัง้ สองโรงแรมในแผนกต้อนรับส่วนหน้าและแผนกอาหารและเครือ่ งดืม่ โดยนักศึกษาทัง้ สีค่ นได้ฝกึ ปฏิบตั งิ าน ในตำ�แหน่งต่างๆ ได้แก่ ตำ�แหน่ง “Concierge” ทำ�หน้าที่หลักให้บริการด้านข้อมูลต่างๆแก่ลูกค้า เช่น ข้อมูลโรงแรม, ข้อมูล ด้านการท่องเที่ยว, การรับจองบริการรถรับ-ส่ง, ตำ�แหน่ง “Door Man” ทำ�หน้าที่หลักคอยเปิด-ปิดประตูรถ/ประตูโรงแรม แก่ลกู ค้าและบริการให้ขอ้ มูลของโรงแรม, ตำ�แหน่ง “Bellboy” ทำ�หน้าทีห่ ลักในการยกกระเป๋าสัมภาระและบริการรับฝากสิง่ ของ ต่างๆของลูกค้า, ตำ�แหน่ง “Lobby Greeter” ทำ�หน้าที่หลักในการต้อนรับ, ให้ข้อมูลเกี่ยวกับโรงแรมและสถานที่สำ�คัญต่าง ๆ แก่ลูกค้า, เสิร์ฟเครื่องดื่มต้อนรับแก่ลูกค้า, การนำ�ชมห้องพัก, ส่งหนังสือพิมพ์ที่ห้องพัก, กดลิฟท์ให้แขก, ตำ�แหน่ง “Waiter/Waitress” ทำ�หน้าที่หลักในการบริการอาหารและเครื่องดื่ม และตำ�แหน่ง “Guest Relations” ทำ�หน้าที่หลัก ในการต้อนรับและดูแลแขกคนสำ�คัญหรือวีไอพี (VIP: Very Important Person) จากนั้นเราได้มีโอกาสพบปะพูดคุยสอบถาม เกีย่ วกับการฝึกงานของนักศึกษากับหัวหน้างานในแต่ละแผนกต่าง ๆ ซึง่ โดยภาพรวมผลการประเมินของนักศึกษาอยูใ่ นระดับ ดีมาก นักศึกษามีความขยันหมั่นเพียร รับผิดชอบต่อหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย มีการปรับตัวในการใช้ชีวิตแบบวัฒนธรรมจีน ได้เป็นอย่างดี ซึ่งทางโรงแรมได้ทิ้งท้ายฝากกับเราด้วยว่าอยากรับนักศึกษาทั้งสี่คนเข้าทำ�งานอีกด้วย หลังจากนั้นนักศึกษา ก็นำ�ไปชมเบื้องหลังการปฏิบัติงานในส่วนต่างๆ ซึ่งกว่าจะเสร็จสิ้นการนิเทศก็ปาไปค่อนวัน จนนักศึกษาเลิกงานพอดี และอาสาพาเราเดินทางขึน้ รถไฟฟ้าใต้ดนิ เพือ่ ไปเทีย่ วชมเมืองทีถ่ นน หวังฟูจ่ งิ่ (Wangfujing Street) ตัง้ อยูท่ างทิศตะวันออก ของจตุรสั เทียนอันเหมิน มีความยาวประมาณ 180 เมตร เป็นถนนคนเดินทีม่ ชี อื่ เสียง มีความเก่าแก่กว่า 700 ปี สมัยราชวงศ์ ชิงนั้นถนนสายหวังฟู่จิ่ง มีบ้านพักของอ๋องและองค์หญิงถึง 8 แห่ง ภายหลังได้ขุดบ่อน้ำ�ขึ้นที่นี่เพื่อเป็นแหล่งให้น้ำ�สำ�หรับ บ้านของท่านอ๋องจนเป็นที่มาของคำ�ว่าหวังฟู่จิ่ง (บ่อน้ำ�ของท่านอ๋อง) ปัจจุบันเป็นศูนย์รวมของร้านค้าสินค้าแบรนด์เนม แฟชั่นสมัยใหม่ แผงขายอาหาร ร้านอาหาร ภัตตาคารเสิร์ฟเมนูชื่อดัง คือ “เป็ดปักกิ่ง” ร้านกาแฟ ร้านขายของที่ระลึก .....ณ จุดๆ นี้อาจารย์และลูกศิษย์ก็ได้ลิ้มลองเป็ดปักกิ่งจากร้านต้นตำ�รับ ชื่อ “Quanjude” ตามคำ�แนะนำ�ของอาจารย์นุ่น หรืออาจารย์เฉิน มือ้ เย็นเลยได้ฝากท้องทีน่ รี่ ว่ มกับนักศึกษาอย่างอบอุน่ ด้วยการพูดคุยภาษาไทยได้อรรถรสเรือ่ งราวมากมาย จากการฝึกงานสี่เดือนในปักกิ่งมาถ่ายทอดเล่าสู่กันฟัง มื้อนี้จ่ายไปเกือบ ๆ สามพันบาท แต่ว่าอิ่ม คุ้มค่า อร่อยสมคำ�ร่ำ� ลือจริง ๆ จากนัน้ เราก็เดินทางกลับทีพ่ กั โดยนักศึกษาได้น�ำ เราขึน้ รถไฟฟ้าใต้ดนิ มาส่งถึงโรงแรม ซึง่ รถไฟฟ้าใต้ดนิ ได้รบั ความ นิยมจากคนจีนมากเพราะสะดวก รวดเร็ว ตรงเวลา หลากหลายเส้นทาง และราคาค่าโดยสารค่อนข้างถูกมาก ภายในรถไฟฟ้า ค่อนข้างจะแออัดแน่นขนัดไปด้วยคนจีน มองไปยังกังวลว่าฉันจะลงกันได้ไหมนะ นักศึกษาบอกเราแบบติดตลกนิด ๆ ว่า “อาจารย์คะ...ต้องสู้ๆ ค่ะ พอถึงสถานีปลายทางที่จะลง ทำ�ยังไงก็ได้ให้ออกจากรถไฟฟ้าให้ได้ อย่าให้คลาดกับพวกหนู นะคะ เบียดไปเลยคะ คนจีนไม่ถือโกรธ” ปรากฏว่าอาจารย์จุ๋มและอาจารย์นิวเบียดออกมาได้ลำ�ดับแรก ๆ เลยค่ะ จริง ๆ แล้วโรงแรมที่เราเลือกพักถือว่าตั้งอยู่ในจุดได้เปรียบดีทีเดียวเพราะมีสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินชื่อ “Chongwenmen” Line 2 & 5 อยู่หน้าโรงแรมเลย ค่ำ�คืนที่สองจึงจบด้วยความเหนื่อยล้าจากการเข้าเยี่ยมชมการฝึกงานของนักศึกษาและการเที่ยวชม

เมืองปักกิ่ง วันทีส่ ามของการเดินทาง เช้าวันนีเ้ ราต้องรีบตืน่ กันแต่เช้าตรู่ และเตรียมรับประทานอาหารเช้าให้เรียบร้อย รอทีมนักศึกษามารับไปเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวสำ�คัญ ของเมืองปักกิ่ง ส่วนใหญ่นักศึกษามีโอกาสไปท่องเที่ยว มาแล้ ว แต่ อ ยากพาอาจารย์ ไ ปเยี่ ย มชม และมี ส ถานที่ ท่องเที่ยวบางแห่งที่นักศึกษายังไม่เคยไปเลย เช่น กำ�แพง เมื อ งจี น นั ก ศึ ก ษาบอกว่ า อยากรอไปเที่ ย วกั บ อาจารย์ สำ�หรับทริปวันนี้เราได้รับความอนุเคราะห์รถตู้เช่าจากทาง โรงแรมราคาพิเศษมาก The Ritz -Carlton Hotel, Beijing เฉลี่ยจ่ายเพียงคนละ 1,000 บาท ราคาประหยัดกว่าไปซื้อ ทั ว ร์ เ อง วั น นี้ ภ าคเช้ า เราได้ มี โ อกาสไปเยี่ ย มชมจตุ รั ส เที ย นอั น เหมิ น (Tiananmen), พระราชวั ง ต้ อ งห้ า ม (The Forbidden City Palace) เสียค่าเข้าชมคนละ 40 หยวน/ 200 บาท) สำ�หรับภาคบ่ายพวกเราได้เดินทางไปเยี่ยมชม ความยิง่ ใหญ่ของกำ�แพงเมืองจีนที่ “Mutianyu Great Wall” ซึ่งอยู่ห่างไปทางเหนือของกรุงปักกิ่งประมาณ 70 กิโลเมตร เส้นทางนี้มักมีนักท่องเที่ยวไม่มากนักหากเทียบกับเส้นทาง ยอดนิยม คือ “Badaling Great Wall” โดยพวกเราเลือก การเดินขึ้นไปแทนการนั่งกระเช้า เนื่องจากราคาค่อนข้างแพง พวกเราต้องเสียค่าธรรมเนียมคนละ 45 หยวน เส้นทางเดิน เลาะไหล่ เ ขาขึ้ น ไปชมกำ � แพงเมื อ งจี น ต้ อ งใช้ เ วลาเดิ น เท้ า ราว ๆ สองชั่วโมง เพราะต้องแวะพักเป็นระยะ แต่ในที่สุด พวกเราก็สามารถเดินไปถึงจุดชมวิวของกำ�แพงเมืองจีนหนึง่ ในสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลางได้สำ�เร็จ วันทีส่ … ี่ …วันเดินทางกลับบ้าน นับเป็นเช้าวันแรก ที่แสงแดดส่องกรุงปักกิ่ง ท้องฟ้าโปร่งไร้วี่แววของหมอก เหมือนสามวันก่อน หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ พวกเราแวะ ไปซื้ อ ของฝากเพิ่ ม เติ ม คื อ ชาจี น “Wuyutai Tea” จากร้านดังที่ตั้งอยู่ใกล้ๆกับโรงแรม หลังจากนั้นก็ไปเคลียร์ ค่าบริการห้องพักกับทางโรงแรม ราวๆเทีย่ งเราก็ออกเดินทาง จากโรงแรมไปยังสนามบินนานาชาติปักกิ่งด้วยรถแท็กซี่ ที่ Concierge เรียกให้ ค่าบริการประมาณ 700 บาท เมื่อถึง สนามบินเราก็ใช้เวลา ไปกับการถ่ายรูปบรรยากาศต่าง ๆ ภายในสนามบินที่ติดอันดับที่ห้าของโลก (SKYTRAX, 2013) และการเลือกซือ้ ของฝากในร้าน Duty Free Shop อีกมากมาย ได้อกี หลายชัว่ โมงเลย เพราะเครือ่ งบินจะออกตอนห้าโมงเย็น ซึ่งเราต้องต่อ Airport Express Train เพื่อไปขึ้นเครื่องอีก อาคารหนึ่ง ช่วงผ่านพิธีการตรวจ คนเข้าเมืองก็ล่าช้าอีก เหมือนเดิม โดยต้องหอบของฝากทีซ่ อ้ื ใหม่ขนึ้ เครือ่ งไปด้วย เพราะกระเป๋าที่โหลดเต็มปริแล้วนั่นเอง เที่ยวบินขากลับเป็น Airbus A330 มีขนาดเล็กกว่าตอนขาไปทีใ่ ช้ Boeing 747-400 เครื่องออกเวลา 17.05 น. ใช้เวลาบิน 5 ชั่วโมง 15 นาที เหตุ ที่ เ ที่ ย วบิ น ขากลั บ ใช้ เ วลานานกว่ า ขาไปเกี่ ย วข้ อ งกั บ เทคนิคทางการบิน เช่น ทิศทางลม ขากลับบินทวนลมจะช้า กว่า สภาพอากาศ ความแตกต่างของการแบ่งเขตเวลา ท้องถิ่น (Time Zone) เส้นทางบินคนละเส้น บนอากาศ ก็มีถนนหลายเส้นทาง เรียกว่า Airways อย่างไรก็ดีในที่สุด ก็เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิอย่างปลอดภัย

FITM NEWS 3

T oday’s story

AEC คืออะไร?

หลังจากที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) มีมติ เห็ น ชอบให้ เ ลื่ อ นการเปิ ด และปิ ด ภาคการศึ ก ษาในสถาบั น อุ ด มศึ ก ษา เพือ่ รองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ในปี 2558 เชือ่ ว่าหลายคน คงจะเริ่ ม รู้ สึ ก ถึ ง แรงกระตุ้ น ให้ ต้ อ งเตรี ย มพร้ อ มที่ จ ะปรั บ ตั ว เรี ย นรู้ และพัฒนาตนเองให้มคี ณ ุ สมบัตขิ องคนทำ�งานยุค AEC โดยเฉพาะนักศึกษา ที่กำ�ลังจะกลายเป็นบัณฑิตและเข้าสู่ตลาดงาน รวมถึงสถาบันการศึกษา ที่ มี ห น้ า ที่ ผ ลิ ต บั ณ ฑิ ต เข้ า สู่ ต ลาดงาน ว่ า แต่ AEC คื อ อะไร เรามา ทำ�ความรู้จักกันสักนิด            

AEC หรือ Asean Economics Community เป็นการพัฒนามาจาก การเป็นสมาคมประชาชาติแห่งเอเชีย ตะวันออกเฉียงใต้ (The Association of South East Asian Nations : ASEAN) ก่อตั้งขึ้นตามปฏิญญากรุงเทพฯ (Bangkok Declaration) เมื่อ 8 สิงหาคม 2510 เป็นการรวมตัวของชาติ ใน Asean เพื่อที่จะให้มีผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจร่วมกัน โดยมีประเทศ ผู้ก่อตั้งแรกเริ่ม 5 ประเทศ คือ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และไทย ต่อมาในปี 2527 บรูไน ก็ได้เข้าเป็นสมาชิก ตามด้วยปี 2538 เวียดนาม ก็เข้าร่วมเป็นสมาชิก ต่อมาปี 2540 ลาวและพม่า เข้าร่วม และปี 2542 กัมพูชา ก็ได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกลำ�ดับที่ 10 ทำ�ให้ปัจจุบัน อาเซียนเป็นกลุ่มเศรษฐกิจภูมิภาคขนาดใหญ่ มีประชากรรวมกันเกือบ 500 ล้านคน

นั บ ถอยหลั ง อี ก ไม่ น าน ประเทศไทยจะเปิ ด ประตู เ ข้ า สู่ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) การเปลี่ยนแปลงครั้งสำ�คัญนี้ ไม่ ใ ช่ แ ค่ ใ ห้ ภ าคอุ ต สาหกรรมที่ ต้ อ งปรั บ ตั ว ตั้ ง รั บ เท่ า นั้ น ภาคการศึกษาเองก็ต้องปรับระบบการเรียนการสอนให้สอดคล้อง กับบริบทที่จะต้องเปลี่ยนแปลงในอนาคต มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือเอง ก็ดำ�เนินการตามมติที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย ให้เปิดและ ปิดภาคเรียนแบบสากล  ซึ่งโดยปกติแล้วมหาวิทยาลัยเปิดภาคเรียน ที่ 1 ช่วงเดือนมิถุนายน แต่ในปีการศึกษา 2557 นี้ จะเปิดภาคเรียน ที่ 1 ในเดือนสิงหาคม  ในส่วนของคณะเทคโนโลยีและการจัดการอุตสาหกรรม ก็มีหลายโครงการ หลายกิจกรรม ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อการรองรับ การเป็นสมาชิก AEC ดังตัวอย่างต่อไปนี้

>> โครงการพั ฒ นาการใช้ ภ าษาจี น ให้ แ ก่ บุ ค ลากรและนั ก ศึ ก ษา ภายในคณะ คณะฯ สนั บ สนุ น ให้ บุ ค ลากรและนั ก ศึ ก ษาปรั บ ปรุ ง การสื่อสารของตนเองให้มีความรู้ในภาษาที่ 3 นอกเหนือจากภาษา ไทยและภาษาอังกฤษ และเพื่อการปรับตัวรองรับกับประเทศจีน ที่จะเข้าเป็นสมาชิก AEC แบบ ASEAN +3 และเป็นหนึ่งในประเทศ มหาอำ�นาจทีม่ เี ขตเศรษฐกิจขนาดใหญ่และมีประชากรมากทีส่ ดุ ในโลก คณะ ฯ จึงได้จ้างอาจารย์จากประเทศจีน เพื่อให้ความรู้และเป็น ทีป่ รึกษาแก่นกั ศึกษาในด้านภาษาจีน ทัง้ ในด้านทักษะวิชาชีพและภาษา



จากนั้นในการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 9 ที่อินโดนีเซีย เมื่อ 7 ตุลาคม 2546  ผู้นำ�ประเทศสมาชิกอาเซียนได้ตกลงกันที่จะจัดตั้ง ประชาคมอาเซียน (ASEAN Community) ซึ่งประกอบด้วย 3 เสาหลัก หนึ่งในนั้นคือ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (Asean Economic Community) หรือเรียกสั้น ๆ ว่า AEC ซึ่งเดิมกำ�หนดเป้าหมายที่จะตั้งขึ้นในปี 2563 แต่ต่อมาได้ตกลงกันเลื่อนกำ�หนดให้เร็วขึ้นเป็นปี 2558 เพื่อให้อาเซียน มีการเคลื่อนย้ายสินค้า บริการ การลงทุน แรงงานฝีมือ อย่างเสรี และเงิ น ทุ น ที่ เ สรี ขึ้ น ในอนาคต AEC จะเป็ น อาเซี ย น+3 โดยจะเพิ่ ม ประเทศ จี น เกาหลี ใ ต้ และญี่ ปุ่ น เข้ า มาอยู่ ด้ ว ย และต่ อ ไปก็ จ ะมี การเจรจา  อาเซียน+6 จะมีประเทศ จีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และ อินเดียต่อไป 4 FITM NEWS อ้างอิงจาก : http://www.thai-aec.com

>> การส่งเสริมความร่วมมือทางวิชาการ ค ณ ะ ส่ ง เ ส ริ ม ใ ห้ เ กิ ด ค ว า ม ร่ ว ม มื อ ท า ง วิ ช า ก า ร โดยการเข้าร่วมเป็นเจ้าภาพหรือนำ�เสนอผลงานทางวิชาการ เพื่อนำ� ความรู้และประสบการณ์มาพัฒนาให้เกิดความก้าวหน้าทางวิชาการ ในระดับสากล อาทิ การเป็นเจ้าภาพร่วมและสนับสนุนให้บุคลากร นำ�เสนอผลงานทางวิชาการในการประชุมวิชาการระดับนานาชาติ “The 5th International Conference on Science, Technology and Innovation for Sustainable Well Being (STISWB V) ณ ประเทศ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว

M ain dish

ปิ ด เทอมยาว... ...ก้าวสู่ AEC << เปิดโลกทัศน์ พัฒนาความคิดสร้างสรรค์ คณบดีได้รับมอบหมายจากอธิการบดี ให้ไปร่วมประชุม 2013 International Presidential Forum on Global Research Universities (The Role and Responsibility of Research Universities: Knowledge Creation, Technology Transfer and Entrepreneurship) ซึ่งจัดโดย KAIST - Korea Advanced Institute of Science & Technology (http://www.kaist.ac.kr) โดยได้เรียนรูจ้ ากความสำ�เร็จของมหาวิทยาลัยชัน้ แนวหน้าในการบริหาร วิจยั การบริการวิชาการแก่สังคม เพื่อนำ�มาพันธกิจต่าง ๆ ของคณะฯ ให้ทัดเทียม กับระดับสากล >> พัฒนาหลักสูตรการจัดการอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการโรงแรม ด้วยประเทศไทยมีทตี่ งั้ อยูศ่ นู ย์กลางของอาเซียนจึงมีความได้เปรียบ ในด้านการเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวและการบิน คณะฯ จึงพัฒนาหลักสูตร การจัดการอุตสาหกรรมการท่องเทีย่ วและการโรงแรม เพือ่ ผลิตบัณฑิตทีม่ คี วาม รู้ความสามารถด้านการท่องเที่ยว การโรงแรม และการบริการ นอกจากนี้ ยังสอดแทรกเนื้อหาและทักษะ รวมถึงส่งเสริมการฝึกปฏิบัติงานของนักศึกษา ในต่างประเทศเพือ่ ให้ได้รบั ประสบการณ์ทหี่ ลากหลายและพัฒนาทักษะการสือ่ สาร ภาษาที่ 2 และภาษาที่ 3 ซึ่งล้วนเป็นสิ่งที่เป็นความต้องการเมื่อเข้าสู่สังคม AEC << โครงการบริการวิชาการสู่สังคม คณะฯ มีการให้บริการวิชาการหลายโครงการที่เป็นการให้ความรู้ แก่ชุมชนเพื่อเตรียมความพร้อมสู่การเปิดประตูสู่ AEC อาทิ การฝึกอบรม ความรูเ้ บือ้ งต้นเกีย่ วกับการส่งออกของผูป้ ระกอบการเพือ่ รองรับการเปิดเสรี ประชาคมเศรษฐกิ จ อาเซี ย น จั ด โดยภาควิ ช าการจั ด การอุ ต สาหกรรม โดยมีเนื้อหามุ่งเน้นให้ผู้ประกอบการ หรือผู้สนใจทั่วไปได้ทราบแนวทาง และความรู้พื้นฐานในการทำ�ธุรกิจระหว่างประเทศ

>> ให้ความสำ�คัญกับการประกันคุณภาพการศึกษา คณะฯ ให้ความสำ�คัญกับการประกันคุณภาพการศึกษา และมุ่งเน้นการพัฒนา กลไกเพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษา โดยมุ่งหวังให้บัณฑิตที่สำ�เร็จการศึกษา มีสมรรถนะทีจ่ �ำ เป็นต่อการประกอบอาชีพทัดเทียมและแข่งขันได้ในระดับภูมภิ าค

FITM NEWS 5

Not only (teach)

การพัฒนาศักยภาพกลุ่มสินค้า

หนึ่งตำ�บลหนึ่งผลิตภัณฑ์

กรณีศึกษา กลุ่มสตรีแปรรูปอาหารจากกล้วย เรื่อง : อาจารย์ทิชากร เกษรบัว

สู่วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม

1

กลุ่ ม ผู้ ผ ลิ ต สิ น ค้ า หนึ่ ง ตำ � บลหนึ่ ง ผลิ ต ภั ณ ฑ์ หรื อ OTOP เป็ น กลุ่ ม ผู้ ผ ลิ ต ที่ เ ป็ น พื้ น ฐานที่ สำ � คั ญ ที่ ทำ � ให้ เกิดวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ SMEs และเป็นพืน้ ฐาน ทำ�ให้เกิดธุรกิจขนาดใหญ่ หรือ LSE ซึ่งทำ�ให้เกิดการพัฒนา เศรษฐกิจของประเทศอย่างต่อเนื่อง แต่การพัฒนากลุ่มผู้ผลิต สินค้าหนึง่ ตำ�บลหนึง่ ผลิตภัณฑ์ให้สามารถเป็นวิสาหกิจขนาดกลาง และขนาดย่ อ มได้ นั้ น เป็ น เรื่ อ งที่ ย าก ซึ่ ง จะต้ อ งมี ก ารพั ฒ นา ทั้งทางด้านการบริหารธุรกิจ การตลาด การสนับสนุนสินเชื่อ เพื่อการลงทุน และการพัฒนารูปแบบของสินค้า กลุ่มสตรีแปรรูปอาหารจากกล้วย อำ�เภอราชสาส์น จังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นกลุม่ OTOP ปัจจุบนั กลุม่ นีไ้ ด้รบั การคัดสรร ให้เป็น OTOP ระดับ 5 ดาว มาเป็นระยะเวลาหลายปีติดต่อกัน และมีตลาดรองรับมากมาย ทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ ถือได้ว่ากลุ่ม OTOP กลุ่มนี้มีความเป็นไปได้ที่จะพัฒนาศักยภาพ จากกลุ่ม OTOP เป็น SMEs ดังนั้นผู้วิจัยจึงได้ศึกษาวิจัยเกี่ยวกับ การบริหารจัดการกลุม่ การพัฒนาทางด้าน การตลาด และพัฒนา ทางด้านบรรจุภัณฑ์ เพื่อช่วยให้กลุ่มยกระดับจากกลุ่มผู้ผลิต OTOP เป็น SMEs

ผลจากการศึกษาเกี่ยวกับการบริหารจัดการกลุ่ม พบว่ า สมาชิ ก ของกลุ่ ม ส่ ว นใหญ่ จ ะมี อ ายุ 40-60 ปี มีการศึกษาระดับประถมศึกษา อาชีพทำ�นาทำ�สวน รายได้เฉลี่ย อยู่ที่ 3,000-5,000 บาท สาเหตุที่เข้ามาเป็นสมาชิก เนื่องจาก ต้องการรายได้เสริมจากอาชีพหลัก ด้านการทำ�งานของกลุ่ม พบว่า กลุ่มมีการแบ่งหน้าที่การดำ�เนินงานออกเป็น 7 หน้าที่หลัก โดยการบริหารส่วนใหญ่จะอยู่ที่ประธานกลุ่ม การประสานงาน โดยส่วนใหญ่ของทางกลุ่มจะใช้การติดต่อกันผ่านทางโทรศัพท์ นอกจากนีย้ งั พบว่า กลุม่ มีการวางแผนและนโยบายการดำ�เนินงาน ไว้หลายด้าน เช่น การส่งเสริมให้สมาชิกและบุคคลในท้องถิ่น ปลูกกล้วย เพื่อเป็นวัตถุดิบหลักให้กับทางกลุ่ม เป็นต้น สำ�หรับ ด้านการรายงานผล พบว่ากลุ่มมีการจัดทำ�รายงานผลการดำ�เนิน งานทุกสิ้นปี มีการลงบัญชีการรับ-จ่าย และมีการจ่ายเงินปันผล ให้แก่สมาชิกทุกสิ้นปี สำ�หรับปัญหาด้านการบริหารจัดการ พบว่า ในช่วงของฤดูการทำ�อาชีพหลัก ได้แก่ การทำ�นา ทำ�สวน สมาชิก จะมีมาทำ�การผลิตให้กับทางกลุ่มเป็นจำ�นวนน้อย

6 FITM NEWS

อาจารย์ประจำ�ภาควิชาการจัดการอุตสาหกรรม

ผลจากการศึกษา ทางด้ า นการตลาด พบว่ า กลุ่มมี การค้าส่ง 70% การค้าปลีก 30% มีคู่แข่งขันทางตรง ได้แก่ มิสเตอร์บัน กลุ่ม แม่บ้านเกษตรกรบ้านแห คู่แข่งขันทางอ้อม ได้แก่ ผลิตภัณฑ์จากกล้วยประเภทอื่นๆ เช่น กล้วยตาก กล้วยอบน้ำ�ผึ้ง เป็นต้น สินค้าที่ กลุ ่ ม มี ก ารจำ � หน่ า ยมากที ่ ส ุ ด ได้ แ ก่ กล้ ว ยแผ่ น อบ แหล่ ง จำ � หน่ า ยหลั ก ได้ แ ก่ ผู้ค้าส่งในจังหวัดฉะเชิงเทรา ลูกค้าโดยส่วนใหญ่จะจ่ายชำ�ระเงิน ค่าสินค้าเป็นเงินสด และมีการสั่งซื้อสินค้าล่วงหน้า 8-15 วัน ปั ญ หาทางด้ า นตลาด ได้ แ ก่ มี คู่ แ ข่ ง ขั น ทางการตลาดมาก บรรจุ ภัณฑ์ แบบเดิ ม ไม่ แ สดงความเป็ น เอกลั ก ษณ์ และยั ง ขาด รายละเอียดที่สำ�คัญบนบรรจุภัณฑ์ ดังนั้นในการพัฒนาทางด้าน การตลาดผู้ วิ จั ย จึ ง ได้ มี ก ารแนะนำ � ให้ ก ลุ่ ม ทำ � การเจาะกลุ่ ม พ่อค้าส่งที่เป็นรายใหญ่ โดยอาจจะติดต่อด้วยตนเอง หรือผ่าน หน่วยงานทางราชการ ผลจากการแนะนำ�กลุ่มได้เจาะตลาดไปยัง กลุ่ม King Power ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ของประเทศ และมี จำ�นวน Order มากขึ้น นอกจากนี้ผู้วิจัยยังได้มีการเปลี่ยนแบบ บรรจุภัณฑ์ให้กับทางกลุ่มเพื่อสร้างเอกลักษณ์ให้กับผลิตภัณฑ์ ผลจากการ พั ฒ นาบรรจุ ภั ณ ฑ์ พบว่ า บรรจุภัณฑ์แบบเดิมไม่แสดง ความเป็นเอกลักษณ์และยัง ขาดรายละเอียดที่สำ�คัญ ซึ่ง จากการวิ จั ย ทางกลุ่ ม ต้ อ ง ก า ร ใ ห้ บ ร ร จุ ภั ณ ฑ์ มีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า ทำ�บรรจุภัณฑ์ด้วยกระดาษหรือ พลาสติกแข็ง โดยใช้สีของบรรจุภัณฑ์เป็นสีเลียนแบบธรรมชาติ ได้ แ ก่ สี เ ขี ย ว สี เ หลื อ ง ต้ น ทุ น ของผลิ ต ภั ณ ฑ์ รั บ ได้ ที่ ร าคา 10-15 บาท ทางกลุ่ ม ต้ อ งการขายราคาเดิ ม คื อ 60 บาท เครื่องหมายที่ทางกลุ่มต้องการ ได้แก่ เครื่องหมาย อ.ย., ม.ผ.ช., OTOP, เชลล์ชวนชิม, ตราจังหวัด, สถานที่ผลิต ต้องการให้มีตรา สัญลักษณ์ภายใต้ชอื่ “จินตนา” โดยให้ภาษาไทยโดดเด่นกว่า ภาษา อังกฤษ และต้องการให้บรรจุภณ ั ฑ์มรี ปู สินค้าจริง จากการวิจยั โดย การเก็บข้อมูลจากผู้ประกอบการและผู้บริโภค ผู้วิจัยจึงได้จัดทำ� รูปแบบบรรจุภัณฑ์ออกมาเป็นต้นแบบจำ�นวน 6 แบบ และนำ�แบบ ดังกล่าวไปสอบถามยังกลุม่ ผูป้ ระกอบการจนได้แบบทีม่ กี ารพัฒนา ที่ดีที่สุดจำ�นวน 1 แบบ จากการพัฒนาศักยภาพทางด้านต่าง ๆ ของกลุ่ม ดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น ทางผู้วิจัยจึงได้ทำ�การเปรียบเทียบ ลักษณะของกลุ่มสตรีแปรรูปอาหารจากกล้วยกับลักษณะที่สำ�คัญ ของ SMEs ดังนี้

1. ด้านสินทรัพย์ ลั ก ษณะที่ สำ � คั ญ ของ SMEs จะต้ อ งมี ส ิ น ทรั พ ย์ ถ าวรไม่ เ กิ น 50 ล้ า น ซึง่ ทางกลุม่ วิสาหกิจชุมชนฯ มีสนิ ทรัพย์ถาวร 418,000 บาท และในจำ�นวนนีเ้ ป็นตูอ้ บซึง่ เป็นสินทรัพย์ถาวรทีไ่ ด้รบั การสนับสนุน จากนโยบายการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน จำ�นวน 200,000 บาท 2. ด้านแรงงาน ลักษณะที่สำ�คัญของ SMEs จะต้องมี แรงงานในการผลิต ไม่เกิน 50 คน ซึ่งทางกลุ่มวิสาหกิจชุมชนฯ มีแรงงานที่ใช้ในการผลิตจำ�นวน 10-15 คน ซึ่งเป็นแรงงานที่ว่าง จากการทำ�งานในอาชีพหลัก 3. ด้านการบริหารจัดการ ลักษณะที่สำ�คัญของ SMEs จะต้องมีความคล่องตัวในการบริหารจัดการค่อนข้างสูง ซึ่งทาง กลุ่มวิสาหกิจชุมชนฯ มีความคล่องตัวในการบริหารจัดการระดับ ปานกลาง เนื่ อ งจากการบริ ห ารจั ด การบางเรื่ อ งจะต้ อ งผ่ า น คณะกรรมการกลุ่ม 4. ด้านความยืดหยุน่ ในการผลิตและจำ�หน่าย ลักษณะ ทีส่ �ำ คัญของ SMEs จะต้องมีการดำ�เนินธุรกิจด้านการผลิตและด้าน การจัดจำ�หน่ายทีม่ คี วามยืดหยุน่ สูง ซึง่ ทางกลุม่ วิสาหกิจชุมชนฯ มีความยืดหยุ่นในการผลิตและจำ�หน่ายค่อนข้างสูง สามารถ ปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสม 5. ด้านผลิตภัณฑ์ ลักษณะทีส่ �ำ คัญของ SMEs จะต้อง มีความหลากหลายของรูปแบบหรือบริการมากกว่ามุ่งปริมาณ ซึง่ ทางกลุม่ วิสาหกิจชุมชนฯ มุน่ เน้นการผลิตจำ�นวนมาก มากกว่า ความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ 6. ด้านความชำ�นาญในการผลิต ลักษณะที่สำ�คัญ ของ SMEs จะต้องมีความชำ�นาญเฉพาะอย่างและมีประสิทธิภาพ ซึ่งกลุ่มวิสาหกิจชุมชนฯ มีสมาชิกประจำ�และผลิตอยู่ในพื้นที่ จึงถือได้ว่ามีความชำ�นาญ 8. ด้านการสนับสนุน ลักษณะที่สำ�คัญของ SMEs พบว่ า หน่ ว ยงานที่ ใ ห้ ค วามช่ ว ยเหลื อ จากส่ ว นราชการ อาทิ กระทรวงพาณิ ช ย์ กรมพั ฒ นาธุ ร กิ จ การค้ า กรมส่ ง เสริ ม อุตสาหกรรม ในขณะที่กลุ่มวิสาหกิจชุมชนฯ ได้รับการช่วยเหลือ จาก กรมการพัฒนาชุมชน สำ�นักงานส่งเสริมการเกษตร เป็นต้น จากการวิเคราะห์ความสามารถในการเปลี่ยนแปลง จาก OTOP ไปสู่ SMEs ของกลุ่ม พบว่ากลุ่มยังคงต้องมีการ พั ฒ นาอย่ า งต่ อ เนื่ อ งในอี ก หลายด้ า น จึ ง จะสามารถยกระดั บ มาตรฐานเป็น SMEs ได้

>> ข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อที่ : [email protected]

เทคโนฯ go ทะเล

[Extraordinary]

อากาศของเดื อ นเมษายนอั น ร้ อ นระบุ บุ ค ลากรคณะเทคโนฯ ของเราจั ด กระเป๋ า เตรี ย มเดิ น ทาง ไปร่วมโครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการ การศึกษาดูงาน และกิจกรรมบำ�เพ็ญประโยชน์ โดยในปีนี้เราได้สถานที่จัดงานที่ ไอธารา รีสอร์ท แอนด์ สปา จังหวัดเพชรบุรี ซึ่งกิจกรรมนี้จัดตัั้งแต่วันที่ 23-25 เมษายน 2557 รวมทั้งหมด 3 วัน เราออกเดินทางกันตั้งแต่เช้าตรู่ของวันที่ 23 จากปราจีนบุรีมุ่งหน้าสู่เพชรบุรี ใช้เวลากว่า 5 ชั่วโมง แต่บุคลากรของ เราก็ไม่มีทีท่าจะเหนื่อยล้าแต่อย่างใด

หลังจากเดินทางถึงที่พักรับประทานอาหาร กลางวันแล้ว พวกเราก็เข้าร่วมการสัมมนาในหัวข้อ “องค์ความรูก้ บั การพัฒนาองค์กร” ซึง่ งานนีไ้ ด้รบั เกียรติ จาก ผูช้ ว่ ยศาสตราจารย์พรี ะศักดิ์ เสรีกลุ รองอธิการบดี ประจำ � วิ ท ยาเขต มจพ.ปราจี น บุ รี เป็ น วิ ท ยากร ในการบรรยาย จากนั้นเป็นการนำ�เสนอองค์ความรู้ ในส่วนงานของตนเองให้บคุ ลากรท่านอืน่ ๆ ได้รบั ทราบ บรรยากาศในการสั ม มนาเต็ ม ด้ ว ยความสนุ ก สนาน ไม่ ตึ ง เครี ย ด ประกอบกั บ เสี ย งหั ว เราะเป็ น ระยะ เมื่อรับความรู้กันไปอย่างเต็มที่กันแล้ว มาถึงทะลทั้งที จะไม่ ใ ห้ เ ล่ น น้ำ � ทะเลได้ อ ย่ า งไร หลายคนลอยตั ว ปะทะคลื่ น อยู่ ก ลางทะเล คลายร้ อ นกั น สมใจอยาก หรื อ บางคนที่ ไ ม่ อ ยากเล่ น น้ำ � เค็ ม ก็ ไ ปแช่ ตั ว อยู่ ใ น สระว่ายน้ำ�ของทางรีสอร์ท เรียกได้ว่า สระนี้ชาวเทคโนฯ ครอง พอเล่นน้ำ�กันจนเพลิดเพลินแล้วก็รับประทาน อาหารเย็นกัน แล้วก็ได้เวลาของการพักผ่อน ห้องพัก ของที่ นี่ ส ะดวกสบายมาก สิ่ ง อำ � นวยความสะดวก ครบครัน หลับเต็มตื่นทอเต็มผืนกันเลยทีเดียว



เช้ า วั น ที่ ส องของการสั ม มนาฯ เราได้ มุ่งหน้าไปที่สถานีพัฒนาทรัพยากรป่าชายเลยที่ 6 (เพชรบุ รี ) ซึ่ ง อยู่ ไ ม่ ไ กลจากที่ พั ก ของเรานั ก เพือ่ ร่วมกันปลูกป่าชายเลน แม้วา่ แสงแดดจะแผดเผา ขนาดไหน แต่บุคลากรของเราแต่ละท่านก็ไม่ย่อท้อ สวมรองเท้ากันเลอะโคลน หยิบต้นกล้า ตะลุยลง พื้ น ที่ ที่ ไ ด้ จั ด เตรี ย มไว้ อ ย่ า งขมี ข มั น พร้ อ มความ ภาคภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้โลกนี้ได้สดใส น่าอยู่ยิ่งขึ้น หลังจากจบภารกิจนี้เรามุ่งหน้ากันต่อ ไปทีโ่ ครงการชัง่ หัวมัน ตามพระราชดำ�ริ เราได้เข้าร่วม ฟั ง การบรรยายถึ ง ที่ ม าและเข้ า ร่ ว มชมโครงการฯ ทำ�ให้เราทราบว่าโครงการชั่งหัวมันฯ นี้ พระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงจัดซื้อที่ดินแห่งนี้โดย ใช้พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ นอกจากนี้ยังได้เห็น ถึ ง พระปรี ช าสามารถของพระบาทสมเด็ จ พระเจ้ า อยู่ หั ว ฯ ที่ ท รงพลิ ก แผ่ น ดิ น ที่ แ ห้ ง แล้ ง กลายเป็ น แผ่นดินที่เขียวชอุ่ม จากนั้นก็รับประทานอาหารกัน ที่โครงการชั่งหัวมันฯ ก่อนจะเดินทางกลับที่พัก

วันสุดท้ายของการสัมมนาฯ หลังจากพักผ่อนกันอย่างเต็มทีแ่ ล้ว ถึงเวลาทีจ่ ะต้องบอกลาทะลแล้วกลับสูภ่ เู ขา เราก็เริม่ เตรียมเก็บกระเป๋าและเดินทางกลับปราจีนบุรี ด้วยพลังอันเต็มเปี่ยมที่พร้อมต่อสู้กับงานต่อไป การเดินทางครั้งนี้นอกจากจะได้ความรู้กลับไปแล้ว เรายังได้รับความภาคภูมิใจที่ได้มีโอกาสทำ�ประโยชน์เพื่อส่วนรวม ถึงแม้จะเล็กน้อยแต่ก็สุขใจ FITM NEWS 7

W ho

What Where When ใคร

ทำ�อะไร

สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำ�เนินไปพระราชทาน ปริญญาบัตรแก่ผู้สำ�เร็จการศึกษาประจำ�ปี 2555 จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้า พระนครเหนือ ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุม ไบเทค บางนา เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2557 ในการนี้มีบัณฑิตจากคณะเทคโนโลยีและการจัดการอุตสาหกรรมรวมทั้งสิ้น 384 คน

นั ก ศึ ก ษาภาควิ ช าเทคโนโลยี ส ารสนเทศ คณะเทคโนโลยีและการจัดการอุตสาหกรรม ได้รบั รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 จากผลงาน “ตู้ จำ � ลองการขายเครื่ อ งดื่ ม ที่ ส ามารถซื้ อ และจั ด การสิ น ค้ า ผ่ า นโทรศั พ ท์ มื อ ถื อ (Intelligent Vending Machine)” ในโครงการ ประกวดสิ่งประดิษฐ์และนวัตกรรม มจพ. ประจำ�ปี 2556 เมื่อวันที่ 6 - 7 กุมภาพันธ์ 2557 ณ อาคารอเนกประสงค์ มหาวิทยาลัย เทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ โดยมี ผู ้ช ่วยศาสตราจารย์ ดร.ยุพ ิน สรรพคุณ และอาจารย์วิชญา รุ่นสุวรรณ เป็นอาจารย์ ที่ปรึกษา

เ มื่ อ วั น ที่ 2 7 กุ ม ภ า พั น ธ์ 2 5 5 7 ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ฑิฆัมพร ทวีเดช, ดร.สุมิตรา ไชยญาติ, อาจารย์ฌานนท์ ปิ่ น เสม, อาจารย์ ศุ ภิ ศ า พุ่ ม เดช และ อาจารย์ ท ิ ช ากร เกษรบั ว ไปนำ � เสนอ ผลงานวิ จั ย เรื่ อ ง “พั ฒ นาศั ก ยภาพ ทางการตลาด ผลิตภัณฑ์จากถ่านไม้ไผ่ ของกลุ่มวิสาหกิจชุมชน บ้านโนนหินผึ้ง ตำ�บลดงบัง อำ�เภอประจันตคาม จังหวัด ปราจีนบุร”ี  ณ ห้องประชุมองค์การบริหาร ส่ ว นตำ � บลดงบั ง อำ � เภอประจั น ตคาม จังหวัดปราจีนบุรี

ที่ไหน

เมื่อไหร่

เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2557 คณะเทคโนโลยีและ การจัดการอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยี พระจอมเกล้าพระนครเหนือ โดยผูช้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.อนิราช มิ่งขวัญ คณบดีฯ ได้ร่วมลงนามบันทึก ข้ อ ตกลงความร่ ว มมื อ เครื อ ข่ า ยความร่ ว มมื อ ทางวิชาการด้านโลจิสติกส์ระดับคณะวิชา ร่วมกับ 18 คณะ จาก 14 สถาบั น การศึ ก ษาชั้ น นำ � ทัว่ ประเทศไทย ณ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ตะวันออก วิทยาเขตจักรพงษภูวนารถ 

เมื่ อ วั น ที่ 20 มี น าคม 2557 สโมสรนั ก ศึ ก ษา คณะเทคโนโลยี แ ละการจั ด การอุ ต สาหกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ นำ � โดยอาจารย์ ฌ านนท์ ปิ่ น เสม รองคณบดี ฝ่ า ยกิ จ การนั ก ศึ ก ษา พร้ อ มด้ ว ยนั ก ศึ ก ษา จำ � นวน 40 คน ร่ ว มกั บ สโมสรนั ก ศึ ก ษา คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏ เพชรบุรี ได้จัดการสัมมนาโครงการสร้างเครือข่าย ประกันคุณภาพการศึกษาและการอนุรักษ์ธรรมชาติ แบบชั่ ง หั ว มั น ณ ห้ อ งประชุ ม คณะเทคโนโลยี อุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุร ี จ.เพชรบุรี ซึ่ ง งานนี้ ไ ด้ รั บ เกี ย รติ จ ากผู้ ช่ ว ยศาสตราจารย์ วิเชียร เข็มเงิน คณบดีคณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิ ท ยาลั ย ราชภั ฏ เพชรบุ รี กล่ า วเปิ ด งาน พร้อมทั้งให้แง่คิดมุมมองด้านกิจกรรม

เมื่ อ วั น ที่ 10 เมษายน 2557 มหาวิ ท ยาลั ย เทคโนโลยี พ ระจอมเกล้ า พระนครเหนื อ วิ ท ยาเขตปราจี น บุ รี ได้ จั ด พิ ธี ส รงน้ำ �พระและรดน้ำ � ดำ � หั ว ผู้ บ ริ ห าร เนื่ อ งในวั น สงกรานต์ ณ อาคารบริ ห าร โดยงานนี้ ไ ด้ รั บ เกี ย รติ จ าก ผู้ ช่ ว ยศาสตราจารย์ พี ร ะศั ก ดิ์ เสรี กุ ล รองอธิการบดีประจำ�วิทยาเขต มจพ.ปราจีนบุรี ได้กล่าวอวยพรบุคลากรเนื่องในวันสงกรานต์ และวันขึ้นปีใหม่ไทยอีกด้วย 8 FITM NEWS